วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

Mind Map การศึกษา 21st century






วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21

ที่มาภาพ http://image.slidesharecdn.com

ศิษย์ในศตวรรษที่ 21ลักษณะศิษย์
  • มีอิสระที่จะเลือกสิ่งที่ตนพอใจ
  • ต้องการดัดแปลงสิ่งต่างๆให้ตรงตามความต้องการของตน
  • ตรวจสอบหาความจริงเบื้องหลัง
  • เป็นตัวของตัวเอง
  • ความสนุกสนานเป็นส่วนหนึ่งของงาน
  • ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมต่างๆ
  • สร้างนวัตกรรมต่อทุกอย่างในชีวิต
ปัจจัยสำคัญด้านการเรียนรู้
  • Authentic learning
  • Mental model building 
  • Internal motivation
  • Miltiple intelligence
  • Social learning

ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
ความเข้าใจบทบาทของการศึกษา
1.             เพื่อการทำงานและเพื่อสังคม
2.             เพื่อฝึกฝนสติปัญญาของตน
3.             เพื่อทำหน้าที่พลเมือง
4.             เพื่อสืบทอดจารีตและคุณค่า- ต้องก้าวข้ามสาระวิชา- เน้นการออกแบบการเรียนรู้
ทักษะเพื่อการดำรงชีวิต
  • สาระวิชาหลัก
  • หัวข้อสำหรับศตวรรษที่ 21
  • ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
  • ทักษะด้านการสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
  • ทักษะชีวิตและอาชีพ
  • ครูต้องจัดระบบสนับสนุนการเรียนรู้เพิ่มเติม
ศาสตราใหม่สำหรับครูเพื่อศิษย์ 
3R   - Reading
    
   - (W)Riting
       - (A)Rithmetics
7C  - Critical thinking & problem solving
       - Creativity & Innovation
       - Cross-cultural understanding
       - Collaboration, teamwork & leadership
       - Communications, Information & media literacy
       - Computing & ICT literacy
       - Career & learning skills
พัฒนาสมองห้าด้าน
1.             สมองด้านวิชาและวินัย
2.             สมองด้านสังเคราะห์
3.             สมองด้านสร้างสรรค์
4.             สมองด้านเคารพให้เกียรติ
5.             สมองด้านจริยธรรม
ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
  • การเรียนรู้ทักษะในการเรียนรู้
1.             การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2.             การสื่อสาร
3.             ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
  • ขั้นตอนการเรียนรู้ 
1.             Remember
2.             Understand
3.             Apply
4.             Analyze
5.             Evaluate
6.             Create
  • การออกแบบการเรียนรู้ทักษะ 
1.             การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหา
2.             การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ
3.             การออกแบบการเรียนรู้ทักษะด้านความสร้างสรรค์และนวัตกรรม
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
  • การเรียนแบบ PBL
  • เน้นการตั้งคำถามมากกว่าการหาคำตอบ
  • ต้องเรียนเองโดยการฝึกฝน
ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
ทักษะด้านสารสนเทศ 
·         ทักษะในการเข้าถึง
·         ทักษะในการประเมินความน่าเชื่อถือ
·         ทักษะในการใช้อย่างสร้างสรรค์
·         เข้าถึงสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ทักษะด้านสื่อ 
·         ด้านรับสารจากสื่อ
·         ด้านสื่อสารออกไปยังสาธารณะ
ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
·         ใช้เทคโนโลยีเพื่อวิจัย
·         ใช้เครื่องมือสื่อสาร
·         ปฏิบัติตามคุณธรรมและกฎหมาย
ทักษะด้านความเป็นนานาชาติ
  • การเรียนแบบ PBL
  • ครูต้องศึกษาวัฒนธรรมต่างประเทศ
ทักษะอาชีพและทักษะชีวิต
  • ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
  • การมีผลงานและความรับผิดชอบ ตรวจสอบได้

แนวคิดการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์

ทีมาภาพ http://www.oknation.net

สมดุลใหม่ในการทำหน้าที่ครูเพื่อศิษย์
ขึ้นกับครู/ครูเป็นตัวตั้ง(Teacher-directed)
สอน
ความรู้
เนื้อหา
ทักษะพื้นฐาน
ข้อความจริงและหลักการ
ทฤษฎี
หลักสูตร
ช่วงเวลา
เหมือนกันทั้งห้อง(One-size-fits-all)
แข่งขัน
ห้องเรียน
ตามตำรา
สอบความรู้
เรียนเพื่อโรงเรียน
เด็กเป็นหลัก(Leamer-centered)
แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทักษะ
กระบวนการ
ทักษะประยุกต์
คำถามและปัญหา
ปฏิบัติ
โครงการ
ตามความต้องการ
เหมาะสมรายบุคคล(Personalized)
ร่วมมือ
ชุมชนทั่วโลก
ใช้เว็บ
ทดสอบการเรียนรู้
เรียนเพื่อชีวิต
           
สอนน้อย เรียนมาก
  • PLC - professional learning communities
  • สอนน้อย คือ สอนเท่าที่จำเป็น
  • ทบทวนผลการเรียนรู้มาก
การเรียนรู้และการสอน
  • ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกเป็นนักตั้งคำถาม
  • เรียนวิชา STEM คือ Science, Technology, Engineering และ Mathematics
การเรียนรู้อย่างมีพลัง
  • จักรยานแห่งการเรียนรู้
  • เครือข่ายเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์
  • Plan คือ การวางแผนการทำงานในโครงการ
  • นักเรียนต้องได้เรียนแบบ PBL (Project-Based Learning)
  • นักเรียนจะเรียนได้ดีหากได้รับการสอนเรื่อง how to learn และ what to learn
  • การเรียนกลุ่มย่อยแบบร่วมมือกัน (Collaborative Small-Group Learning)
การเรียนรู้แบบใช้โครงการ 
1.             ผลของโครงการตอบสนองหรือผูกพันอยู่กับหลักสูตรและเป้าหมายการเรียนรู้
2.             คำถามหลักและปัญหาหลักนำไปสู่การเรียนรู้หลักการสำคัญของเรื่องนั้น หรือของสาระวิชา
3.             การค้นคว้าของนักเรียนเกี่ยวข้องกับความสงสัยใฝ่รู้ (inquiry) และการสร้างความรู้
4.             นักเรียนทำหน้าที่รับผิดชอบการออกแบบ และการจัดการการเรียนรู้ของตนเป็นส่วนใหญ่
5.             โครงการอยู่บนฐานของคำถามและปัญหาในชีวิตจริง เป็นของจริง นักเรียนไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่อง หลอก ๆ
  • การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานคิด (Problem-Based Learning)
ครูเพื่อศิษย์ชี้ทางแห่งหายนะที่รออยู่เบื้องหน้า
  • ครูอาจเลือกข่าวหนังสือพิมพ์มาให้นักเรียนวิพากษ์กัน
  • ร่วมกันระดมความคิดบทเรียนชีวิตที่จะฝึกตนไม่ให้หลงไปกับมายาของโลก
ที่มาภาพ http://lripsm.wix.com/21st

จิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์
สมดุลระหว่างความง่ายกับความยาก
ความจริงเกี่ยวกับการคิด ๓ ประการ ที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อเดิม
1.             การคิดทำได้ช้า
2.             การคิดนั้นยาก ต้องใช้ความพยายามมาก
3.             ผลของการคิดนั้นไม่แน่ว่าจะถูกต้อง 
ความคิดกับความรู้เกื้อกูลกัน
·         ความคิดกับความจำเชื่อมโยงกัน
·         ฝึกทักษะการจำ เพื่อให้มีทั้งความจำใช้งาน (working memory)
·         หน้าที่สำคัญของครู คือสร้างแรงบันดาลใจใคร่เรียนรู้
เพราะคิดจึงจำ
·         ผู้เรียนซึมซับเข้าไปไว้ในความจำ
·          ครูที่เก่งมีคุณลักษณะสำคัญ ๒ ด้าน 
1.             รักเอาใจใส่เด็ก
2.             สามารถออกแบบการเรียนรู้ ให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย
·         ความจำเป็นผลของการคิด
ความเข้าใจคือความจำจำแลง สู่การฝึกตนฝนปัญญา
·         การฝึกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ทักษะพื้นฐานทางการเขียน มีประโยชน์ ดังนี้
1.             ได้ทักษะคิดลึก และได้ความรู้ที่ลึก
2.             ป้องกันการลืม
3.             ช่วยการนำไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ (transfer)
·         การฝึกฝนมีเป้าหมาย ๒ ระดับ 
·         ระดับแรก คือ ให้พอทำเป็น (minimum competence) 
·         ระดับที่ 2 คือ ให้ชำนาญ (proficiency)
ฝึกฝนจนเหมือนตัวจริง
·         คนหัดใหม่มีวิธีทำให้ตนเองคิดแบบผู้เชี่ยวชาญด้วย ๔ กลไก
1.        เพิ่มต้นทุนความรู้ (background knowledge หรือ longterm memory) และจัดระบบไว้อย่างดี ให้ พร้อมใช้ (เรียกว่า functional knowledge) ดึงเอาไปใช้ตรงตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
2.        ฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถใช้พื้นที่ความจำใช้งานที่มีจำกัดในการคิดได้มากและซับซ้อน ขึ้น
3.        ฝึกคิดแบบลึก (deep structure) หรือแบบ functional หรือคิดตีความหาความหมาย (meaning) ไม่ใช่คิดแบบตื้น (surface structure) ตามที่ตาเห็น
4.        คุยกับตัวเองว่า กำลังขบปัญหาอะไรอยู่ ในลักษณะของการมองแบบนามธรรม หรือแบบสรุป รวบยอด (generalization) และตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการแก้ปัญหานั้นไปในตัว
สอนให้เหมาะต่อความแตกต่างของศิษย์
·         นักเรียนมีความแตกต่าง ๓ แนว
1.        ความสามารถทั่วไปในการเรียนรู้ อาจเรียกว่าเด็กฉลาด เด็กหัวไวเด็กหัวช้า
2.        รูปแบบการเรียน ตามทฤษฎีมีผู้เรียนแบบเน้นจักษุประสาท แบบเน้นโสตประสาท และแบบเน้น การเคลื่อนไหว (Visual, Auditory, and Kinesthetic Learners Theory)
3.        ความฉลาด ๘ ด้าน ตามทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences)
-                   ทฤษฎีผู้เรียนแบบเน้นจักษุประสาท แบบเน้นโสตประสาท และแบบเน้นการเคลื่อนไหว (Visual, Auditory, and Kinesthetic Learners Theory)
-                   ทฤษฎีพหุปัญญาหรือ ความถนัด ๘ ด้าน (Multiple Intelligences Theory)
ช่วยศิษย์ที่เรียนอ่อน
·         ความฉลาดของเด็กอยู่ในมือเรา
·         จงชื่นชมพรแสวงของศิษย์ให้มากกว่าพรสวรรค์
ฝึกฝนตนเอง
·         ความจำในระยะยาวสำหรับการทำหน้าที่ครูนี้
1.        ความรู้เชิงสาระวิชา 
2.        ความรู้เชิงเทคนิคการสอนสาระวิชา 
3.        ความรู้เชิงความรู้ทั่ว ๆ ไป
·         การสะท้อนผลกลับ 
1.             เป็นคำวิพากษ์ที่ให้กำลังใจ (Supportive) ไม่สร้างความรู้สึกว่าถูกกดดัน ซึ่งไม่ได้หมายความ ว่ามีแต่คำชมอย่างหลอก ๆ ส่วนที่ชมก็ต้องแสดงความจริงใจและเป็นความจริง ที่สำคัญคือ ไม่ใช่เป็นการจับผิด แต่เป็นการสะท้อนภาพที่มีทั้งภาพบวกและภาพลบ และต้องเอาใจใส่ทั้ง สาระ น้ำเสียง และสีหน้าท่าทางของการวิพากษ์
2.             บอกพฤติกรรมที่เห็น ไม่ใช่บอกคำวินิจฉัยของตนเอง เช่น ไม่ใช่บอกว่า ห้องเรียนสับสน อลหม่านแต่บอกว่า สังเกตเห็นว่านักเรียนไม่ค่อยฟังสิ่งที่ครูพูด” 
3.             บอกสิ่งที่เพื่อนบั๊ดดี้แสดงความต้องการให้สะท้อนผลกลับ เท่านั้นแม้จะเห็นส่วนอื่นที่เป็นข้อ เรียนรู้ของตน แต่เพื่อนบั๊ดดี้ไม่ได้ขอให้บอก ก็ไม่ต้องบอก เป็นการแสดงความเคารพต่ออัตตา หรือความเป็นส่วนตัวของเพื่อน ประเด็นสำคัญที่เพื่อนบั๊ดดี้ยังไม่ได้ขอให้สะท้อนผลกลับนี้ จะ โผล่ขึ้นมาเองในการดูวิดีทัศน์เพื่อสะท้อนภาพ ซึ่งกันและกันในคราวต่อ ๆ ไป
เปลี่ยนมุมความเชื่อเดิมเรื่องการเรียนรู้


บันเทิงชีวิตครูสู่ชุมชนการเรียนรู้131
กำเนิดอานิสงฆ์ของ PLC
·         การศึกษาต้องเปลี่ยนจากเน้นการสอน (ของครู) มาเป็นเน้นการเรียน (ของนักเรียน)
·         ครูเปลี่ยนจากการบอกเนื้อหาสาระ มาเป็นทำหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ
·         PLC คือเครื่องมือที่จะช่วยนำไปสู่การตั้งโจทย์และทำ วิจัยในชั้นเรียน
หักดิบความคิด
·         PLC เป็นกิจกรรมที่ซับซ้อน (complex) มีหลากหลายองค์ประกอบจึงต้องนิยามจากหลายมุม โดยมีแง่มุมที่สำคัญต่อไปนี้
§  เน้นที่การเรียนรู้
§  มีวัฒนธรรมร่วมมือกันเพื่อการเรียนรู้ของทุกคน ทุกฝ่าย
§  ร่วมกันตั้งคำถามต่อวิธีการที่ดี และตั้งคำถามต่อสภาพปัจจุบัน
§  เน้นการลงมือทำ
§  มุ่งพัฒนาต่อเนื่อง
§  เน้นที่ผล (หมายถึง ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ของศิษย์)
ความมุ่งมั่นที่ชัดเจนและทรงคุณค่า
·         บัญญัติ ๗ ประการ ให้หาทางดำเนินการเพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลง
1.             หาทางจัดโครงสร้างและระบบเพื่อหนุนการเดินทางหรือขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
2.             สร้างกระบวนการวัดเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว และทำความเข้าใจเรื่องสำคัญ
3.             เปลี่ยนแปลงทรัพยากรเพื่อสนับสนุนสิ่งสำคัญ
4.             ถามคำถามที่ถูกต้อง
5.             ทำตัวเป็นตัวอย่างในเรื่องที่มีคุณค่า
6.             เฉลิมฉลองความก้าวหน้า
7.             เผชิญหน้ากับผู้ต่อต้านเป้าหมายร่วมของคณะคร
มุ่งเป้าหมายที่การเรียนรู้ (ไม่ใช่การสอน)
·         เน้นที่การเรียนเท่าที่จำเป็น   
1.             ใช้เกณฑ์๓ คำถามว่า ความรู้นี้จะคงทนจดจำไปในอนาคตหรือไม่  ความรู้นี้จะช่วยเป็นพื้นฐาน                  ต่อการเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ หรือไม่  ความรู้นี้จะช่วยความสำเร็จในการเรียนรู้ในชั้นต่อไปหรือไม่
2.             ใช้การประชุมระดมความคิดในกลุ่มครูที่เป็นสมาชิก PLC ด้วยบัตร ๓ คำ รักษาไว้ (keep) หยุด                  หรือเลิก (drop) สร้างสรรค์ (create)ทำอย่างน้อยทุก ๆ ๓ เดือน
·         การเดินทางของ PLC ที่ครูร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และร่วมกันตีความทำความเข้าใจผลที่เกิดขึ้น
เมื่อนักเรียนบางคนเรียนไม่ทัน
·         ระบบช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนอ่อนนี้มีลักษณะเป็นไปตามตัวย่อว่า SPEED
§  Systematic (ทำเป็นระบบ) หมายถึง มีการดำเนินการเป็นระบบทั้งโรงเรียน ไม่ใช่เป็นภาระของครูประจำชั้นแต่ละคน และมีการสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษร (ใคร ทำไม อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร) ไปยังทุกคน ได้แก่ ครู (ทีมของโรงเรียน) พ่อแม่ และนักเรียน
§  Practical (ทำอย่างเหมาะสม) การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปได้ตามทรัพยากรที่มีอยู่ของโรงเรียน (เวลา พื้นที่ ครู และวัสดุ) และดำเนินการได้ต่อเนื่องยั่งยืน ทั้งนี้ ไม่ต้องการทรัพยากรใด ๆ เพิ่ม แต่ต้องมีการจัดการทรัพยากรเหล่านั้นแตกต่างไปจากเดิม นี่คือ โอกาสสร้างนวัตกรรมในการจัดการทรัพยากรของโรงเรียน 
§  Effective (ทำอย่างได้ผล) ระบบช่วยเหลือต้องใช้ได้ผลตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม มีเกณฑ์เริ่มเข้าระบบและออกจากระบบที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมสำหรับช่วยเหลือนักเรียนที่แตกต่างกัน และเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่ได้ผลดีแก่นักเรียนทุกคน
§  Essential (ทำส่วนที่จำเป็น) ระบบช่วยเหลือต้องทำแบบมุ่งเน้นที่ประเด็นเรียนรู้สำคัญตามผลลัพธ์ของการเรียนรู้ (Learning Outcome) ที่กำหนดโดยการทดสอบทั้งแบบประเมินเพื่อพัฒนา (formative assessment)และ แบบประเมินได้-ตก (summative assessment )
§  Directive (ทำแบบบังคับ) ระบบช่วยเหลือต้องเป็นการบังคับ ไม่ใช่เปิดให้นักเรียนสมัครใจ ต้องดำเนินการในเวลาเรียนตามปกติ ครูหรือพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ขอยกเว้นให้แก่นักเรียนคนใด
มุ่งที่ผลลัพธ์ ไม่ใช่แผนยุทธศาสตร์
·         การตั้งเป้าที่ดีและการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้า ต้องมีข้อมูลที่ดี ที่ทันกาล สำหรับนำมาใช้ประโยชน์
พลังของข้อมูลและสารสนเทศ
·         ให้ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาเป็นผู้ออกข้อสอบ
·         KM หรือกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทีม PLC
·         การให้คุณค่าต่อการพัฒนา
ประยุกต์ใช้ PLC ทั่วทั้งเขตพื้นที่การศึกษา
·         เน้นที่บทบาทผู้บริหาร
วิธีจัดการความเห็นพ้องและความขัดแย้ง
·         ประชุมระดมความคิดโดยใช้การคิดแบบหมวกหกใบ 
·         ความเห็นไม่ตรงกันไม่เป็นไร หากร่วมกันทำเป็นใช้ได้
ชุมชนแห่งผู้นำ
·         โรงเรียนจะกลายเป็นองค์กรเรียนรู้
PLC เป็นเครื่องมือของการเปลี่ยนชีวิตครู
·         เปลี่ยนระดับจิตวิญญาณและวัฒนธรรม
เวทีครูเพื่อศิษย์ไทยครั้งแรก
·         ครูเพื่อศิษย์ ต้องฝึกทักษะ
1.             การตีความ ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑
2.             ทักษะการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำเอง
3.             ทักษะการออกแบบ การอำนวยความสะดวก และการเชียร์ให้ศิษย์เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ
4.             ทักษะการประเมินความก้าวหน้าเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของศิษย์ที่เป็น formative evaluation                      หรือ empowerment evaluation



เรื่องเล่าตามบริบท203
เรื่องเล่าของครูฝรั่ง
  • เตรียมทำการบ้านเพื่อการเป็นครู
  • ให้ได้ความไว้วางใจจากศิษย์
  • สอนศิษย์กับสอนหลักสูตร แตกต่างกัน
  • ถ้อยคำที่ก้องอยู่ในหูเด็ก
  • เตรียมตัว เตรียมตัว และเตรียมตัว
  • จัดเอกสารและเตรียมตนเอง
  • ทำสัปดาห์แรกให้เป็นสัปดาห์แห่งความประทับใจ
  • เตรียมพร้อมรับ การทดสอบครูและสร้างความพึงใจแก่ศิษย์
  • วินัยไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ
  • สร้างนิสัยรักเรียน
  • การอ่าน
  • ศิราณีตอบปัญหาครู และนักเรียน
  • ประหยัดเวลาและพลังงาน
  • ยี่สิบปีจากนี้ไป

เรื่องเล่าโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
  •         วีธีการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑
  •          เคาะกระโหลกด้วยกะลา

เรื่องเล่าของโรงเรียนนอกกะลา
  •          ความสำเร็จทางการศึกษา
  •          ความฉลาดทางด้านร่างกาย
  •          ความฉลาดทางด้านสติปัญญา
  •          ทำไมต้องเรียนคณิตศาสตร์

เรื่องเล่าครูเพลินกับการพัฒนา
  •          การยกคุณภาพชั้นเรียน ๑
  •          การยกคุณภาพชั้นเรียน ๒
  •          เรียนรู้จากจำนวนและตัวเลข
  •          การ เผยตนของฟลุ๊ค


มองอนาคต...ปฏิรูปการศึกษาไทย341
เรียนรู้จาก Malcolm Gladwell
  • เป็นการเรียนรู้ร่วมกันผ่านการปฏิบัติ (interactive learning through action)
  • ครู (หรือพ่อแม่) ต้องชวนนักเรียน (หรือลูกหลาน) ทบทวนการเรียนรู้ (reflection หรือ AAR)
  • ทักษะนี้สอนไม่ได้แต่เรียนรู้ได้
ที่มาภาพ http://www.famousauthors.org
Inquiry-Based Learning
·         เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนตั้งคำถาม
·         ต้องเน้นการเรียนรู้เพื่อบ่มเพาะส่งเสริมความริเริ่มสร้างสรรค์
ทักษะการจัดการสอบ
·         ต้องมองการสอบเป็น ตัวช่วยต่อการเรียนรู้
·         ต้องเปลี่ยนการสอบให้เป็นการวัดการเรียนรู้ที่แท้จริงของศิษย์
PLC สู่ TTLC หรือ ชุมชนครูเพื่อศิษย์
·         ครูเพื่อศิษย์ต้องออกแบบการเรียนรู้ของศิษย์ของตน โดยศึกษาหลักการจากตัวอย่างที่มีในประเทศไทยและในต่างประเทศ
แรงต้านที่อาจต้องเผชิญ
1.        นโยบายการศึกษายังเป็นนโยบายสำหรับยุคอุตสาหกรรม เน้น mass education และเน้นประสิทธิภาพซึ่งเคยใช้ได้ผล แต่บัดนี้ตกยุคเสียแล้ว
2.       ระบบตรวจสอบและระบบวัดผลแบบทดสอบตามมาตรฐาน (standardized testing systems) ที่เน้นวัดความสามารถด้านทักษะพื้นฐานเช่นการอ่าน การคิดเลข แต่ไม่วัดทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑
3.       แรงเฉื่อยหรือความคุ้นเคยกับระบบการสอนแบบครูบอกเนื้อหาวิชาให้นักเรียนจดจำ ที่ทำต่อ ๆ กันมาหลายสิบปีหรือเป็นร้อยปี แม้จะมีครูจำนวนหนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว คือเปลี่ยนไปทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กให้สร้างและประยุกต์ใช้ความรู้ผ่านการค้นพบ การสำรวจ และการเรียนจากโครงงาน (PBL - Project Based Learning)
4.     ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมพิมพ์จำหน่ายตำราเรียน
5.     ความหวั่นกลัวว่าความรู้เชิงทฤษฎีจะถูกละเลย หันไปให้ความสำคัญต่อทักษะมากเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ ๒ แนวนี้ต้องเกื้อกูล (synergy) ซึ่งกันและกัน
6.      อิทธิพลของพ่อแม่ที่ยึดติดกับการเรียนแบบดั้งเดิมที่ตนเคยเรียนมาและทำให้ตนประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน จึงอยากให้ลูกหลานได้เรียนตามแบบที่ตนเคยเรียน สอบข้อสอบที่ตนเคยสอบ และรู้สึกไม่สบายใจที่โรงเรียนทดลองวิธีการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ตนไม่คุ้นเคย และอาจทำให้ลูกหลานของตนไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
1.      ยกเลิกระบบการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของครู (คศ.) ที่ใช้ในปัจจุบัน คือให้ ทำผลงานในกระดาษ และมีการติววิธีทำผลงาน เปลี่ยนมาเป็นเลื่อนตำแหน่งเมื่อผลสัมฤทธิ์ของลูกศิษย์ได้ผลดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการทดสอบระดับชาติ ๓ ปีติดต่อกัน จนได้ผลในระดับผ่านเกินร้อยละ๙๐ ของจำนวนเด็กนักเรียนทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ต้องมีการทดสอบระดับชาติในทุกชั้น  
2.      มีเป้าหมายและยุทธศาสตร์เพิ่มผลสัมฤทธิ์ของศิษย์ทั้งโรงเรียน หรือทั้งเขตการศึกษา แล้วคณะครูและทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการ เน้นที่การมี PLC ระดับโรงเรียน ระดับเขตการศึกษา และระดับประเทศ เมื่อนักเรียนทั้งโรงเรียน หรือทั้งเขตการศึกษาสอบ National Education Test (NET) ผ่านเกินร้อยละ ๙๐ ก็ได้รับรางวัลทั่วทั้งโรงเรียน หรือทั่วทั้งเขตการศึกษา
3.      ปราบปรามคอรัปชั่นเรียกเงินในการบรรจุหรือโยกย้ายครู นี่เป็นความชั่ว ที่บ่อนทำลายระบบการศึกษาไทย ต้องมีมาตรการตรวจจับและลงโทษรุนแรง
4.      แบ่งเงินลงทุนเพิ่มด้านการศึกษา ครึ่งหนึ่งไปไว้สนับสนุนการเรียนรู้ของครูประจำการในลักษณะการเรียนรู้ในการทำหน้าที่ครู ที่เรียกว่า PLC (Professional Learning Community) ซึ่งเน้นที่การเรียนรู้ (learning) ของครู ไม่ใช่เน้นที่ การฝึกอบรม (training) และเน้นการเรียนรู้เป็นกลุ่มเพื่อให้ครูจับกลุ่มช่วยเหลือกัน
5.      จัดงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประจำปี ด้านการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
6.     ยกระดับข้อสอบ National Education Test (NET) ให้ทดสอบการคิดที่ซับซ้อน (complex thinking) และทักษะที่ซับซ้อน (complex skills) ตามแนวทางทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑
7.     ส่งเสริมการเรียนแบบ Project-Based Learning (PBL) โดยส่งเสริมให้มี PLC ของครูที่เน้นจัดการเรียนรู้แบบ PBL ให้รางวัลและยกย่องครูที่จัด PBL ได้เก่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น